น้องโม เดินทางเข้าร่วมโครงการ J-1 AU PAIR USA กับ Great AuPair USA กับโฮสแฟมิลี่รัฐ Virginia
กว่าจะเป็นออแพร์…ไม่ใช่เรื่องยากเลย
แค่พยายามมา 4 ปีเอง

1.ขออนุญาตแนะนำตัวจ้า..สวัสดีค่ะ

เราชื่อโม หรือ Jina อายุ 26 จบเอกภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
2. ภาษาอังกฤษ ด้วยความที่เราจบเอกภาษาไทย ภาษาอังกฤษนั้นอย่าถามถึงเลย ติดลบมาก เราพึ่งเริ่มเรียนเริ่มสนใจตอนเรียนอยู่ปี 4 – ปี 5 โดยอ่านเอง ลงเรียนกับอาจารย์ฝรั่งบ้าง เวลาไปเรียนเพื่อนก็พูดภาษาอังกฤษหมดเลย รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ดาวอื่นฟังไม่รู้เรื่อง แต่ขยันไปเรียนทุกวัน แม้ฟังไม่ออกเลยจริงๆ แต่เราชอบวิ่งหาครูฝรั่งตลอด และชอบถามอะไรที่ง่ายๆแต่ผิด เช่น My name is? นี่คือจะถามชื่อเขานะ เพื่อนล้อยันลูกโต เอาจริงๆ เรารู้สึกว่าชีวิตเราสนุกมาก ไม่ได้เก่ง แต่ใจรัก อยากพัฒนา และเรามีความเชื่อว่าเราทำได้
เริ่มจริงจังกับการพัฒนาภาษาอังกฤษตอนเรียนจบ จึงตัดสินใจไปทำงานเกาะพะงัน เพราะคิดว่าตัวเองน่าจะรอด พยายามฟังคลิป ฟังเพลง ดูหนังอ่านหนังสือ มาเยอะมาก คือคิดว่าตัวเองน่าจะพกคำศัพท์สักแสนคำลงไปพะงันด้วย ชีวิตที่เกาะพะงันที่ถูกบังคับให้ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ช่วงเดือนแรกๆ เป็นช่วงที่ต้องอาศัยความพยายามสูงมาก แต่ยังไม่ท้อ และไม่เคยถามว่าฉันมาที่นี่ทำไม ตอนนั้นถ้าไม่นับการที่ต้องใช้ชีวิตกับภาษาอังกฤษ ถือว่าชีวิตสนุกมาก
จนกระทั่งเวลาผ่านไป 4 เดือน ทุกอย่างเริ่มง่ายไปหมด ฉันเข้าใจทุกอย่าง ที่ฝรั่งเหล่านั้นพูดกัน และเขาเข้าใจที่ฉันพูด จึงรู้สึกภูมิใจในตัวเองว่า รักในความพยายามของตัวเอง รักทุกคนที่เกาะพะงัน เราได้ฝึกฝนจนเราพอใจ แล้วก็ตัดสินใจลาออกเพื่อไปตามฝันต่อไป
3. เงิน ด้วยความที่กลับจากเกาะพะงัน ภาษาอังกฤษของเราดีขึ้นมาก มาก มาก จึงตัดสินใจสมัครงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่บริษัทหนึ่ง เป็นบริษัทที่ดีมาก พี่ๆ น่ารัก สอนงานดี เราพัฒนาไปในทางที่ดีมาก เงินเดือนดีมากกกก เมื่อเก็บเงินได้เพียงพอสุดท้ายเราตัดสินใจเข้าร่วมโครงการกับ BTA บีเลิฟด์ไทยออแพร์ จากที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลมาว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินการมาแล้วหลายปี และมีคนได้เดินทางไปจริงๆ
4. การสมัคร แสนล้านขั้นตอนกว่าจะผ่าน อันนี้พูดเล่น แต่มันมีขั้นตอนและการเตรียมตัว สมัครทดสอบภาษา หาที่เก็บชั่วโมง ตรวจร่างกาย เรียนขับรถสอบใบขับขี่ เรียน CPR สัมภาษณ์กับพี่ๆ ที่เมืองไทย (คนไทยสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ) สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ GREAT AUPAIR USA (คนอเมริกัน สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ) ตื้นเต้นมาก ขั้นตอนการดำเนินการสมัครจะบอกว่าเยอะก็เยอะ แต่เราค่อย ๆ ทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ
เราออนไลน์ได้ประมาณหนึ่งเดือน ก็แมทเลย มีโฮสแฟมิลี่ติดต่อมา 10 กว่าบ้าน เอเจนซี่นี้ดีมากค่ะ ช่วยเหลือให้คำแนะนำได้ดี
5. ขอ Visa ด่านอรหันต์สุดท้าย เราอ่านรีวิวเยอะมาก จนจิตตก แต่จริงๆ ไม่ได้หินขนาดนั้น เพราะเราโดนแค่ 3 คำถาม อ๋อ พี่ๆ มีติวและแนะนำการตอบคำถามให้นะคะ การกรอกเอกสารวีซ่าต่างๆ พี่เขาก็ตรวจสอบอย่างเคร่งครัด
คำถามที่โดนเจ้าหน้าที่กงสุลถาม คือ
  • งานที่ประเทศไทยดีอยู่แล้วทำไมต้องลาออก
  • จบ 1 ปีจะกลับมาทำงานอะไรที่ไหน
  • จะไปดูแลใคร ลงรายละเอียด
เห็นคำถามแค่นี้ แต่มันมีจุดเปลี่ยนผัน ที่คำตอบของเราจะเป็น ผ่านวีซ่าหรือไม่ผ่านวีซ่า ดังนั้นเตรียมความพร้อมและฟังคำแนะนำจากพี่ๆ
จนเราก็ผ่านวีซ่า ดีใจมากกกก
6. เก็บเสื้อผ้าพร้อมบิน 10 July 2019 เป็นการเดินทางครั้งแรก ตื้นเต้นมาก จริงๆ ได้บินพร้อมกับเพื่อนอีกคน แต่หากันไม่เจอ
7. ตอนนี้แฮปปี้กับชีวิตที่อเมริกา